มีเคล็ดลับ ปลูกกล้วยน้ำว้า “ปากช่อง 50” ทำเงินงาม รายได้ปีละ 1 ล้านกว่าบาท
กระแสความนิยมบริโภคกล้วย เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ในรอบ 2 ปีที่ผ่าน ทำให้ราคากล้วยสูงขึ้น ความต้องการของตลาดสูง ทั้งกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า ขาดตลาด ผลผลิตออกไม่ทัน ขายกันจนรวย แซงทุกพืชเศรษฐกิจ ทำให้ อิทธิกร จันทรน้อย(กุล) หนุ่มเจ้าของสวนชาวกลางดง อ.ปากช่อง ดีกรีปริญญาตรี เอกเกษตรกลวิธาร จากรั้วมหาวิยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตบางพระ ไม่รอช้า คว้าโอกาส ถือคติลงมือทำก่อน ได้ก่อน เบิกพื้นที่กว่า 30 ไร่ ปลูกกล้วยน้ำว้า สายพันธุ์ปากช่อง50 บนที่ลาบสูง แห่งขุนเขา มวกเหล็ก สระบุรี
“พันธุ์นี้เป็นกล้วยที่มีลำต้นใหญ่ แข็งแรง ให้จำนวนหวีเยอะ ถ้าเลี้ยงให้สมบูรณ์ดี จะให้หวีเกรดA มาก 10-14 หวี แต่ต้องเลี้ยงให้ถึงปุ๋ยถึงน้ำ ในสวนผม รอบแรกจะได้ 8-12 หวี ซึ่งถือว่าดีทีเดียวในสภาพที่กระทบแล้งมากๆ ในปีที่ผ่านมา รอบที่2 เราจะไว้หน่อหลุมละ 4-5 หน่อ ซึ่งจะเก็บหน่อที่สมบูรณ์ที่สุด และอยู่ด้านนอกกอ รอบๆหลุม หน่อที่เป็นส่วนเกิน ทั้งในกอและนอกกอจะขุดออกมาขายให้ลูกค้าที่สนใจ ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในสวนเราจะตัดแต่งใบและขุดหน่อไปพร้อมๆกัน ประมาณเดือนละครั้ง หน่อมีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ลูกค้าสนใจสั่งจองล่วงหน้ากันมากมาย
ส่วนผลกล้วย จะตัดขาย 2 แบบ คือแบบเหมาเครือ ราคาเครือละ 200 บาท และแบบตัดเป็นหวี ขายส่งหวีละ 25-30 บาท มีลูกค้ามารับประจำถึงสวน ส่วนกล้วยเกรดรองลงมา ตัดขายปลีกแผงหน้าบ้าน หวีละ 35-40 บาท ขายหมดทุกวัน ส่วนปลีกล้วยน้ำว้า หลังจากตัดออกจากเครือก็ขายได้ ส่งปลีละ 5-10 บาท กล้วย 1 ต้นขายได้ทุกส่วน ตลาดมีความต้องการสูง ผมมีพื้นที่ปลูก 30 ไร่ ในรอบแรกได้กล้วยประมาณ 5,000 เครือ ขายส่งเครือละ 200 บาท นับว่าเป็นรายได้ที่ดีทีเดียว”
อิทธิกร ย้อนอดีตให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาทำสวนกล้วยน้ำว้าหลังเรียนจบ ก็เข้าทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในตำแหน่งนักวิชาการเคมีเกษตร ทำงานประมาณ 8 ปี ตอนนั้นมีรายได้ เดือนละเกือบ 1 แสนบาท แต่ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่กับเกษตรกร ที่ตนเองออกไปส่งเสริม เห็นความสำเร็จ เห็นรายได้ เห็นคนทำการเกษตรแล้วรวย จึงอยากรวยบ้าง อีกทั้งอยากจะมีอาชีพอิสระ ควบคุมเวลาได้ด้วยตัวเอง อยู่กับบ้านใกล้ชิดครอบครัว จึงตัดสินใจลาออกจากงาน หันมาทำอาชีพเกษตรด้วยตัวเองอย่างเต็มตัว
งานแรกตั้งแต่ออกจากงาน ลงทุนปลูกมันสำปะหลัง 50 ใช้การจัดการได้นวัตกรรม ปีนั้นราคามันสำปะหลังดีมาก ตันละ 2,500 บาท 50 ไร่ ทำกำไรกว่า 400,000 บาท ปีที่2 ขยายพื้นที่ปลูกเช่าที่เพิ่มเป็น 200 ไร่ เจอภัยแล้ง เพลี้ยระบาดหนัก พื้นที่เยอะเกินกำลัง ดูแลไม่ทั่วถึง ขาดทุนไปเกือบล้านบาท
ต่อมาเลิกปลูกมันสำปะหลัง แต่ยังไม่ถอยสู้ต่อด้วยการทำไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 200 ไร่ ปี 2555 เจอปัญหาภัยแล้งอีก คราวนี้แล้งหนักกว่าเดิม ข้าวโพดไม่ติดฝัก ขาดทุนหนักถึงขั้นล้มละลาย จากนั้นจึงมองหาอาชีพใหม่ ใช้เวลาศึกษาข้อมูลให้มั่นใจแล้วสุดท้าย ได้คำตอบ ที่กล้วยน้ำว้า ปากช่อง50
“ผมมองว่ากล้วยน้ำว้า พันธุ์ปากช่อง 50 ปลูกครั้งเดียว อยู่ได้ 4-5 ปี กล้วยเป็นพืชเศรษฐกิจที่อยู่คู่ประเพณีวัฒนธรรมของไทย มีงานมีเทศกาลทั้งปี และจะมีกล้วยเป็นส่วนประกอบในการทำอาหารในงานบุญ และเมื่อปี 2554 มีน้ำท่วมใหญ่ กล้วยตามเรือกสวน ไร่นาตายหมด ทำให้กล้วยราคาสูงมาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค แถมมีความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย ผมจึงตัดสินใจลงทุนครั้งใหม่ด้วยกล้วยน้ำว้า ปากช่อง50 บนพื้นที่ 30ไร่“
ที่เลือกปลูกพันธุ์นี้ เพราะมีข้อดีและจุดเด่นหลายอย่าง ลำต้นสูงใบใหญ่ หาอาหารเก่ง ทนแล้ง ต้นที่ไม่สมบูรณ์ก็สามารถให้หวีได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่น หวีใหญ่ ผลใหญ่ ให้ผลต่อหวีมากถึงหวีละ 16-18 ผล เครือใหญ่ ยาวให้ผลผลิตสูง ต้นที่เลี้ยงให้สมบูรณ์ดี ให้หวีเยอะเครือละ 12-14 หวี แต่ถ้าต้องการหวีที่สมบูรณ์สม่ำเสมอ ควรเหลือไว้ก่อนตัดปลี 8-12 หวีต่อเครือ ถ้าไว้หวีมากเกินไปผลจะเล็กลง ใบใหญ่ หนา เขียวเข้ม สังเคราะห์แสงได้ดี ปลูกครั้งเดียว สามารถไว้หน่อได้นานถึง 5 ปี 1 กอไว้ต้นที่สมบูรณ์ 5 ต้นต่อปี
เทตนิคการปลูกเจ้าของสวนแนะนำว่า 1 ไร่ ควรปลูก 100 ต้น หรือระยะห่างระหว่างต้นX ระหว่างแถว 4X 4 เมตร เพราะต้นกล้วยปากช่อง50 สมบูรณ์เต็มที่ สูงได้ถึง 4-5 เมตร ขุดหลุมขนาด 50X50 ซม. รองก้นหลุมด้วยขี้หมู ถ้าได้กากขี้หมูจากการหมักไบโอแก๊สแล้วยิ่งดี ใส่หลุมละ 1 กก. แล้วคลุกเคล้ากับหน้าดินปากหลุม อย่างละเท่าๆกัน ในกรณีไม่มีขี้หมูแนะนำให้ใช้ ขี้ไก่แกลบ หรือขี้ไก่อัดเม็ด ในอัตรา 1 กก.ต่อหลุมเช่นกัน ไม่แนะนำให้ใช้ขี้วัว เพราะขี้วัวเป็นแหล่งกำเนิดหนอนกอ ซึ่งเป็นศัตรูตัวร้ายของต้นกล้วย จากนั้นก็นำหน่อกล้วยที่เตรียมไว้ลงปลูก ฝังลึกเท่ากับคอหน่อ ที่ขุดมาจากกอ ไม่ควรฝังลึกมากจะทำให้ออกหน่อใหม่ช้าและอาจเน่าตายได้
สวน”อินทรยา” ของอิทธิกล ใช้ระบบน้ำแบบมินิสปริงเกอร์ เปิดวันละ 1 ชั่วโมงต่อต้น หรือดูตามความชื่น ถ้าเป็นฤดูฝน มีฝนตกก็ไม่ต้องเปิดน้ำ การใส่ปุ๋ยจะเริ่มใส่ครั้งแรกเมื่อกล้วยอายุได้ 1 เดือน ใช้ปุ๋ยเคมี สูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 เดือนละครั้งๆละ1 ขีดหรือ 1 กำมือต่อต้น ติดต่อกันจนถึงเดือนที่ 8 ให้เปลี่ยนสูตรปุ๋ย เป็นสูตร 8-24-24 เดือนละ 1 ครั้งๆละ 1 ขีดหรือ 1 กำมือต่อต้น จนกว่าจะเก็บเกี่ยว กล้วยน้ำว้าปากช่อง50 จะออกปลีเมื่ออายุได้ 8-9 เดือน หรือให้นับใบที่ 35 จะเริ่มออกปลี หลังจากออกปลีและไว้หวีพอแล้ว ตัดปลีออก นับไปอีก 120 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้
การดูแลรักษาแปลงปลูก ควรจะมีการทำรุ่นหรือปราบวัชพืช เมื่อต้นกล้วยยังเล็ก จะใช้วิธีการดายหญ้า ตัดหญ้า หรือฉีดยา ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของสวน ควรจะมีการพูนโคนเมื่อกล้วยอายุได้ 8 เดือน ด้วยการถากหน้าดินรอบโคนต้น หรือสุมโคนด้วย การผสม แกลบดิบ-แกลบดำ-ขี้ไก่แกลบ อย่างละเท่าๆกัน อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ควรตัดแต่งใบ ที่หักเสียหาย ใบโคน ออกเป็นประจำ แต่ต้องเหลือใบให้กล้วยก่อนออกปลีไม่น้อยกว่า 8-10 ใบ เพื่อใช้ในการสังเคราะห์แสงและปรุงอาหารให้กับกล้วยมากที่สุด จะทำให้ปลีกล้วยสมบูรณ์ และผลที่มีคุณภาพ ตามมาอีกด้วย ต้องมีการฉีดยาป้องกัน หนอนมวนใบ แมลงและเพลี้ยต่างๆอย่างสม่ำเสมอ เดือนละ 1 ครั้ง ฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อรา+คาร์เบนดาซิม+แมนโคเซป เดือนละ 1 ครั้ง ฉีดพ่นฮอร์โมน+อาหารเสริม พร้อมกับสารกันเชื้อรา จะช่วยบำรุงและป้องกันโรคและแมลงศัตรูของกล้วยได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากล้วยจะเป็นพืชที่ปลูกง่ายแต่ก็มีปัญหาและอุปสรรคอยู่บ้าง ซึ่งจะต้องเข้าใจและป้องกันให้ดี คุณกุลมีคำแนะนำ ว่า กล้วยน้ำว้าปากช่อง50 เป็นพืชที่ไม่ชอบอากาศหนาว ช่วงฤดูหนาวจะชะงักการเจริญเติบโต แต่มีวิธีแก้ไขด้วยการให้น้ำเยอะกว่าปกติ ฉีดพ่นแร่ธาตุ สังกะสี ที่อยู่ในรูปของคีเลต จะช่วยได้ ภาวะภัยแล้ง กล้วยจะไม่ชอบแล้งมากๆ แม่จะไม่ตายแต่ก็ไม่โต ชะงักการเจริญเติบโต วิธีแก้ให้น้ำเยอะๆ ลม ก็เป็นปัญหาจะทำให้ใบกล้วย แตก ฉีกขาด เสียหาย ทำให้การสังเคราะห์แสงและปรุงอาหารได้ไม่สมบูรณ์ โรคและแมลง ที่สำคัญ เช่น กล้วยตายพราย เป็นแล้วแก้ยาก ต้องหาพันธุ์ที่ปลอดโรค จากแหล่งที่เชื่อถือได้ แมลงที่สำคัญที่สุดคือหนอนกอ ซึ่งเกิดจากด้วงงวงช้าง และมีแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีคือขี้วัว โรค ที่สำคัญคือโรคใบเหลือง ซึ่งเกิดจากเชื้อรา และมากับลม การป้องกันสามารถทำได้โดยฉีดยาป้องกันเชื้อรา จะใช้ยาเคมี หรือชีวภาพกลุ่มไตรโคเดอร์มา ก็ได้ แต่ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าโรคหรือแมลง ให้ป้องกันดีกว่ารักษาหรือแก้ อาจจะไม่ทันการณ์ ทำให้เกิดความเสียหายได้
ที่มา : komchadluek