อ่านจดหมายสุดท้าย ‘บุ้ง ทะลุวัง’ ทำไมต้องเอาชีวิตเข้าแลก เพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง
อ่านจดหมายสุดท้าย ‘บุ้ง ทะลุวัง’ เขียนก่อนตาย ทำไมต้องเอาชีวิตเข้าแลก เพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศที่เรารัก ถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส
เมื่อวันที่ 14 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี น.ส.เนติพร หรือบุ้ง กลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องขังคดีทางการเมือง หัวใจหยุดเต้น กำลังปั๊มหัวใจอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ส่งตัวมาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ก่อนบุ้งเสียชีวิตลงแล้ว เมื่อเวลา 11.22 น.ที่ผ่านมา…
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เนติพร หรือบุ้ง เคยทำพินัยกรรม ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ในการจัดการทรัพย์สิน หนังสือบริจาคร่างกายเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ อุทิศแด่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อนำร่างไปทำประโยชน์ เผยแพร่ความรู้ถึงสภาวะที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของมนุษย์เมื่ออดอาหาร
โดยจากเพจเฟซบุ๊กทะลุวัง – ThaluWang เผยแพร่จดหมายสุดท้ายของบุ้งที่เขียนไว้เมื่อ 14 มี.ค.67 ระบุว่า “สวัสดีค่ะ บุ้งนะคะ นี่ก็ล่วงเลยมาเป็นเดือนแล้วที่บุ้ง ตะวัน และแฟรงค์ ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพราะเราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในประเทศที่เรารัก…
ตั้งแต่เล็กจนโต การเป็นลูกสาวตุลาการของบุ้ง ทำให้บุ้งได้รับรู้ว่าประเทศนี้ ไม่ได้มีอยู่ เพื่อให้ความยุติธรรมกับประชาชนคนตัวเล็กๆเอาเสียเลย
จนถึงตอนนี้ ทุกอย่างชัดเจน ไม่ต้องเป็นลูกผู้พิพากษาก็คงเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมนี้ล้มเหลวขนาดไหน การมีอยู่ของพวกเขาไม่เคยดำเนินไปเพื่อประชาชน แต่กลับตั้งอยู่เพื่อพวกผู้มีอำนาจ และคนไม่กี่กลุ่มในประเทศอย่างหน้าไม่อาย พวกเขาคิด พวกเขาทำกันอย่างโจ่งแจ้ง ไม่อายสายตาประชาชนแล้วจะให้เราอยู่เฉยๆได้ยังไง
แค่ตั้งคำถามก็ติดคุก แค่บีบแตรก็ติดคุก
ถ้ากล้าทำกันขนาดนี้ โดยไม่อายสายตาชาวโลก ทำไมไม่สั่งประหารกันเลยล่ะคะ พวกคุณอยากกำจัดเราอยู่แล้ว รัฐประหารเวลาชีวิตของเราด้วยนิติสงคราม ขโมยอนาคตไปจากพวกเรา สั่งฆ่า สังหารหมู่ คน 6 ตุลา คนเสื้อแดงก็ทำมาแล้ว
ถ้าไม่ยอมปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้พวกเรา ก็เอาชีวิตพวกเราอีก 3 คนเลย พวกเรายินดีแลก เพราะถ้าไม่สู้ก็อยู่อย่างทาส บุ้งไม่ขอเป็นทาส ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหน ขอตายอย่างที่เราได้เลือก ตายอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
สังคมไทยมักเป็นแบบนี้เสมอ คือบอกให้คนที่สู้ เลิกสู้ เพราะประชาชนก็ไม่เชื่อมั่นในตัวเองว่า จะสามารถต่อกรกับรัฐเผด็จการได้ แทนที่จะบอกให้คนที่กล้าหาญเลิกสู้ ควรหันมาถามตัวเองดีกว่าไหมว่าทำไมไม่ลุกขึ้นสู้กับความไม่ยุติธรรม ทำไมถึงเลือกที่จะเมินเฉย
เขากล่าวหาว่าบุ้ง ตะวัน และแฟรงค์ เป็นแค่ไม้ซีกงัดไม้ซุง ก็ขอให้ไม้ซีกทั้งหลายที่ยังไม่ยอมแพ้ลุกขึ้นมาสู้ ให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นให้ได้ ให้รู้กันไปเลยว่า ไม่ซีกแบบพวกเราเมื่อรวมกัน ก็สามารถเผาไม้ซุงแห่งความอยุติธรรมให้วอดวายได้ เราจะชนะได้อย่างไร ถ้าเราไม่ร่วมมือกัน หากยังไม่ยอมแพ้ วันที่ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ต้องมาถึงอย่างแน่นอน…
ภาพบางส่วนจาก TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน…