ทนาย บอกอีกฝั่งใช้สื่อเป็นเครื่องมือ กดดัน ผู้ครอบครองปรปักษ์ จนเครียด
ช็อกกันทั่วประเทศ หลังจากที่มีรายงานว่า เพื่อนบ้านที่เข้ามาครอบครองปรปักษ์ ซึ่งเป็นบ้านของ “อากู๋เหมทัศน์” ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิง และเป็นหนึ่งในผู้ต้องหา 5 คน ที่ถูกแจ้งข้อหาบุกรุก ลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งหมดได้รับการให้ประกันตัวโดยปราศจากหลักทรัพย์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ยืนยันผู้เสียชีวิต ผู้ต้องหา คดีบ้านปรปักษ์ เครียดจัด จนตัดสินใจลาโลก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ช่วงตอนหนึ่งที่ เพจ อมรินทร์ทีวี ที่กำลังไลฟ์สดได้ติดต่อไปยัง ทนายวัฒนา เรืองแก้ว ทนายความเพื่อนบ้านที่ยื่นฟ้องครอบครองปรปักษ์ บ้านอากู๋เหมทัศน์ ซึ่งทนายบอกว่า เจ้าของใช้สื่อเป็นเครื่องมือกดดัน ทำผู้ครอบครองปรปักษ์เครียดจนหาทางจบชีวิตตัวเอง
โดยทนายวัฒนา บอกว่า ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหามีความเครียด ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้สื่อเป็นเครื่องมือ และรู้สึกเครียด และบ่น อยากจะหาทางออก เขาก็อยากจะเกลี่ยไกล่กับฝ่ายตรงข้าม
“เขาจิตตก และมีโรคประจำตัวร้ายแรงอยู่แล้ว และฝ่ายตรงข้ามใช้สื่อเป็นตัวนำ ใช้เสรีภาพอย่างขาดความรับผิดชอบ ตนคิดว่าตนซึ่งน่าจะมากดดัน จนเขาเป็นคนจิตตก ตนก็ได้ข้อแนะนำ และได้พูดคุยกันเป็นระยะๆ ขณะนี้ตนอยู่เชียงใหม่ จะรีบกลับให้เร็วที่สุด” ทนายวัฒนา อธิบาย
พร้อมกันนี้ ทนายวัฒนา ยังระบุต่อว่า หลังจากนี้ต้องคุยกับญาติว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ตนเห็นใจที่เขาจิตตก ไม่สบายใจมาก ส่วนคดีนั้นมีโทษร้ายแรง จนทำให้เครียดจนจบชีวิตตัวเองหรือไม่นั้น มองว่า พยายานหลักฐานและข้อกฎหมายนั้น สู้ได้ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง แต่ตอนนี้ภาวะจิตใจเขาเครียด และรับไม่ได้
“จริงๆ แล้วเขาโดนดำเนินคดีอาญาก่อน เขาก็เครียดมาระยะหนึ่ง แต่ว่าวิธีการแก้ไขปัญหาของทนายฝ่ายตรงข้าม เอาสื่อเป็นตัวนำ ซึ่งเขาก็อยากจะแก้ไขปัญหาให้พี่สาวเขาเหมือนกัน โดยเขาออกหน้าไปรับผิดชอบโดยไม่ปรึกษาทุกคน เพราะไม่อยากมีปัญหาเรื่องคดี” ทนายวัฒนาระบุ
ทนายวัฒนา ยังพูดอีกว่า ทั้งนี้เขาเคยพูดว่า ถ้าคดีแพ้ก็แพ้ไป ถ้าชนะเขาจะคืนบ้านให้ไปฟรีๆ เขาไม่อยากได้ แต่ตอนนี้เขาถูกกดดันเรื่องคดีอาญา เขาจึงต้องปกป้องสิทธิของตน ตนจึงว่าตอนนี้การใช้สื่อกดดัน ต้องใช้เสรีภาพบนความรับผิดชอบก็เช่นกัน
ผู้สื่อข่าว ถามว่า กระแสสังคมอาจจะมีการโทษทนายขึ้น ทนาย กล่าวว่า เขามีคดีอาญาอยู่แล้ว และเขาก็มีสิทธิอยู่แล้ว ถ้าเกิดไม่มีคดีอาญาวันนั้น และมาคุยกัน เขาก็อาจจะไกล่เกลี่ยสำเร็จไปแล้ว และคนครอบครองไม่ใช่คนที่ตาย แต่เป็นพี่สาวของเขา ส่วนการครอบครองปรปักษ์นั้นเป็นความเห็นทั่วไปของทนาย ไม่ใช้การยุยงส่งเสริม