ผวา ป่วยไข้หูดับเกือบร้อย ตาย 4 เหตุเปิบหมู-เลือดดิบ เตือนฉลองรับปีใหม่ กิน สุก ร้อน สะอาด ปลอดภัย
นครราชสีมา ผวา ปีนี้ป่วยไข้หูดับเกือบร้อยราย ตายแล้ว 4 ราย เหตุเปิบหมู-เลือดดิบ ที่มีเชื้อ เตือนสังสรรค์เฉลิมฉลองรับปีใหม่ กินอาหาร ปรุงสุก ร้อน สะอาด ปลอดภัย หลีกเลี่ยงเสียชีวิต
5 ธ.ค. 66 – นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หูดับในประเทศไทย ว่าสถานการณ์โรคไข้หูดับในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 25 พฤศจิกายน 2566 มีผู้ป่วยโรค ไข้หูดับ 548 ราย มีผู้เสียชีวิต 26 ราย
แบ่งเป็น ที่ จ.เชียงใหม่ 1 ราย จ.น่าน 1 ราย จ. สุโขทัย 1 ราย จ.ตาก 2 ราย จ.อุตรดิตถ์ 2 ราย จ.กำแพงเพชร 1 ราย จ. พิจิตร 1 ราย จ.อุทัยธานี 2 ราย จ.นครปฐม 2 ราย จ.สมุทรสาคร 1 ราย จ.มหาสารคาม 3 ราย จ.หนองคาย 2 ราย จ.นครราชสีมา 4 ราย จ. ชัยภูมิ 1 ราย จ.บุรีรัมย์ 1 ราย และ จ.สงขลา 1 ราย
ส่วนสถานการณ์โรคหูดับ ในเขตสุขภาพที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 25 พฤศจิกายน 2566 พบผู้ป่วยโรค ไข้หูดับจำนวน 130 ราย มีผู้เสียชีวิต 6 ราย (นครราชสีมา 4 ราย ชัยภูมิ 1 ราย บุรีรัมย์ 1 ราย) ผู้ป่วยแยกเป็นรายจังหวัด ดังนี้ 1) จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 95 ราย 2) จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 14 ราย 3) จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 14 ราย 4) จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 7 ราย อาชีพที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ รับจ้าง ร้อยละ 32.31 รองลงมา คือ เกษตร ร้อยละ 31.54 และงานบ้าน ร้อยละ 13.85 ตามลำดับ
ปัจจุบันมีกระแสสังคมบนสื่อออนไลน์ได้รีวิวการรับประทานอาหารดิบ และมีพฤติกรรมการดื่มสุราร่วมกับการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ มีผู้ติดตามรับชมจำนวนมาก อาจทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ หรืออยากลองทำตาม ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับได้
เพื่อเป็นการป้องกันโรคไข้หูดับ ขอให้ประชาชนรับประทานหมูอย่างถูกวิธี ดังนี้ 1. รับประทานเนื้อหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น โดยปรุงให้สุกผ่านความร้อนมากกว่า 70 องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย 10 นาที 2. อาหารปิ้งย่าง ควรใช้อุปกรณ์ในการคีบเนื้อหมูดิบและเนื้อหมูสุกแยกจากกัน และขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” 3. ไม่ควรรับประทานหมูดิบร่วมกับการดื่มสุรา
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน กล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันมีกระแสสังคมบนสื่อออนไลน์ได้รีวิวการรับประทานอาหารดิบ และมีพฤติกรรมการดื่มสุราร่วมกับการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ มีผู้ติดตามรับชมจำนวนมาก อาจทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ หรืออยากลองทำตาม ทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับได้
เพื่อเป็นการป้องกันโรคไข้หูดับ ขอให้ประชาชนรับประทานหมูอย่างถูกวิธี ดังนี้ 1. รับประทานเนื้อหมู หรือเลือดหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น โดยปรุงให้สุกผ่านความร้อนมากกว่า 70 องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย 10 นาที
2. อาหารปิ้งย่าง ควรใช้อุปกรณ์ในการคีบเนื้อหมูดิบและเนื้อหมูสุกแยกจากกัน และขอให้ยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” 3. ไม่ควรรับประทานหมูดิบร่วมกับการดื่มสุรา 4. เลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อจากแหล่งที่ไม่ทราบที่มาของหมู
5. ผู้ที่สัมผัสกับหมูที่ติดโรค โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบูทยาง สวมถุงมือ รวมถึงสวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรม ควบคุมโรค โทร.1422
ซึ่งโรคไข้หูดับ เกิดจากการกินเนื้อหมู หรือเลือดหมูสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบหมูดิบ ลาบเลือดดิบ ที่มีเชื้อสเตปโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) ปนเปื้อนอยู่ โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่ติดเชื้อ สามารถติดต่อผ่านทางบาดแผล รอยถลอก และทางเยื่อบุตาได้ด้วย
เมื่อได้รับเชื้อโรคไข้หูดับเข้าไปแล้ว ผู้ติดเชื้อจะมีไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ หนาวสั่น สับสนกระสับกระส่าย ปวดข้อ คอแข็ง และมีอาการหูดับ หรือหูหนวก ได้ยินลดลงอย่างเฉียบพลัน รวมทั้ง การทรงตัวผิดปกติ หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดต่ำ มีจ้ำเลือดทั่วตัว ปวดตา ตาแดง หรือมองภาพไม่ชัด
ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่นฤดูหนาว และใกล้เทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ ประชาชนอาจสั่งอาหารปิ้งย่างหรืออาหารสุกๆดิบๆ ลาบเลือดดิบ ก้อยดิบ มารับประทาน รวมไปถึง หากพ่อครัว แม่ครัว หรือผู้ปรุงอาหารมีบาดแผล แล้วไปสัมผัสเนื้อหมูหรือเลือดหมูดิบๆ ที่มีเชื้อ ก็จะทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับ จนสูญเสียการได้ยิน จนถึงขั้นหูหนวกถาวรได้
ดังนั้น อย่ารับประทานหมูดิบ ลาบเลือดดิบ และอย่าใช้วิธีบีบมะนาวเพื่อให้หมูสุก แต่ต้องปรุงให้สุกผ่านความร้อนมากกว่า 70 องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย 10 นาที และไม่ควรรับประทานหมูดิบร่วมกับการดื่มสุรา ส่วนการรับประทานอาหารปิ้งย่าง ควรใช้อุปกรณ์คีบเนื้อหมูดิบและเนื้อหมูสุกแยกจากกัน และยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด”
หากจะเลือกซื้อเนื้อหมูมาทำอาหาร ให้เลือกซื้อจากแหล่งที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อจากแหล่งที่ไม่ทราบที่มาของหมู และหากทำงานที่มีต้องใกล้ชิดสัมผัสกับหมู เช่น ผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล หรือสัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบูทยาง สวมถุงมือ สวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน ซึ่งหากมีบาดแผลจะต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือให้สะอาดหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อไข้หูดับ