“นิก เดอะสตาร์” วางแผนผิด จากคนเคยมีเงินล้าน แต่หลงระเริงจนเกือบหมดตัว
เรียกว่าเป็นนักร้องขวัญใจมหาชนในช่วงต้นยุค 2000 สำหรับ นิก รณวีร์ หรือ นิก เดอะสตาร์ รองแชมป์จากเวทีเดอะสตาร์ปี 2 เจ้าของบทเพลง “เธอคือหัวใจของฉัน” ก่อนที่จะเจ้าตัวจะมีผลงานซิทคอมเรื่อง “ผู้กองเจ้าเสน่ห์” ให้แฟนๆติดตามผลงานอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ต่อมาซิทคอมได้ลาจอไปในที่สุด ก็ทำให้หลายคนเริ่มสงสัยว่า หนุ่มนิก หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงนานมาก จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้มีคลิปออกมาว่า นิก ได้พูดตัดพ้อชีวิตของตัวเอง “เป็นถึงนักร้อง ทำไมงานน้อยจัง” เพราะตอนนี้ นิก ได้หันมารับงานร้องเพลงตามร้านอาหาร และงานในวงการก็ไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน
ล่าสุด นิก เดอะสตาร์ ได้ออกมาเปิดใจพูดถึงคลิปไวรัลที่ออกมาว่า น้อยใจ ตกอับ ไม่มีงาน โดยระบุว่า “เขามาสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องทำไมถึงมาร้องเพลงร้านอาหาร ทำไมไม่ร้องตามอีเวนต์เหมือนเดอะสตาร์ทั่วไป ซึ่งเรารู้สึกว่าการทำงานที่ไหนมันก็คือการทำงาน ตั้งแต่ช่วงโควิดงานก็หายไปเยอะหน่อย ยังไม่กลับมาเลย เพราะก่อนโควิด ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่มันก็มีให้เราได้ชื่นใจ 4-5 งาน แต่พอหมดโควิดไป นานๆ จะมีที 4-5 เดือน งานนึง ซึ่งเราก็ต้องใช้ชีวิตแบบกินอยู่อย่างประหยัด เราเริ่มกลับมาทำงาน แต่งานก็ยังน้อยอยู่
ยอมรับว่าส่วนหนึ่งวางแผนชีวิตผิดพลาด เรามั่นใจในสิ่งที่เรามีอยู่ คิดว่าความสามารถที่มีอยู่ คิดว่ามันจะคงอยู่ แต่สุดท้ายแล้วสรุปมันก็ออกมาเป็นแบบที่ทุกคนเห็น ตั้งแต่เรารับเดอะสตาร์มา เราก็หลงระเริงกับชื่อเสียงที่เราได้มาในช่วงเวลานั้น เราไม่ได้บริหารจัดการ ต้องมีอาชีพไหนสำรองไว้มั้ย คิดว่าแค่ร้องเพลงและเล่นละครมันก็พอแล้ว แต่จริงๆมันไม่พอ อยากได้อะไรก็ซื้อ ไม่ได้เก็บไว้เลย ยอมรับว่าใช้สุรุ่ยสุร่ายเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำ ตอนนั้นอายุ 20 ปี เงินมันได้มาเรื่อยๆ ได้มาใช้ไป เขาบอกว่าเงินเข้ามามันต้องใช้ ถ้าไม่ใช้ เดี๋ยวมันจะบูด ก็รีบใช้ให้มันหมดไป ฝากพ่อแม่บ้าง แต่หลังๆ ก็ไปเบิกที่ฝากไว้เอามาใช้
ถามว่าหมดกับอะไร คือเราเหมือนเริ่มชีวิตใหม่เรื่อยๆ พอได้เงินมาก็เอาไปเลี้ยงเพื่อน พอเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนใหม่ ก็เลี้ยงไปเรื่อยๆ มีแฟนใหม่ก็เปย์หญิงไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเคยใช้เยอะมากที่สุดประมาณแสนกว่าบาท แต่ไม่ใช้ทุกวัน เราซื้อทุกอย่างที่เราอยากได้ ซึ่งพอเรามารู้ตัวอีกที เมื่อมองตัวเลขบัญชีจาก 7 หลัก มันเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ ตอนนั้นอาจจะจะมีงานร้องเพลง และมีทั้งซิทคอม ละครต่อเนื่อง พอทุกอย่างมันหายไปพร้อมกัน ก็ขาดช่วงไป ทุกอย่างมันเริ่มหายไป 2 ปีก่อนโควิด รวมๆ 5 ปีให้หลัง บวกกับเรามีปัญหาสุขภาพด้วย รายได้หลักเราก็หายไป ร้องเพลงที่มิว ทองหล่อ ก็ปิดตัวไป ผู้กองเจ้าเสน่ห์ก็ปิดตัวไป ไปไหนก็ปิดตัว หรือไปอยู่ค่ายพี่ดี้ เขาก็เปลี่ยนค่ายใหม่
ช่วงนั้นเครียด มันทรมาน ไม่เครียดตรงที่ไม่มีเงิน แต่เครียดเรื่องสุขภาพ เราไม่ได้ดูแลสุขภาพตั้งแต่แรก เราใช้ชีวิตประมาท กินสุด ไม่พักผ่อน ตอนนี้เป็นโรคเกาต์ ความดัน เบาหวาน กระทบต่อการร้องเพลง ถ้าไม่พักผ่อน เกาต์จะกำเริบ เดินไม่ได้ ต้องนั่งร้อง ความดันก็จะขึ้น เหงื่อแตก ไม่มีสมาธิในการร้อง ไม่สามารถทำเหมือนศักยภาพที่เราเคยมีได้
แต่ก่อนเคยโทษโชคชะตาและโทษภาวะรอบข้าง แต่พอเอาจริงๆ ต้องโทษตัวเอง เราเลือกเอง ปฏิบัติเองทั้งนั้น เราวางแผนได้ไม่ดี เลยทำให้เกิดผลกระทบ ตอนแรกกะจะเลิกร้องเพลง กลับไปอยู่บ้าน แต่คุณพ่อเขาเป็นนักดนตรี เขาก็ยังเล่นอยู่ เขาก็บอกว่าให้เรากลับไปทำให้เต็มที่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ต้องทำไปก่อน
ถามว่าปลงมั้ย ใช้คำว่าเราจะกลับไปในจุดที่เราเคยเป็นให้ได้ แม้ว่าจะน้อยกว่าปกติ หรือเทียบเท่าที่เคยเป็นก็ได้ แต่ทั้งหมดก็จะพยายาม แต่มันก็มีองค์ประกอบหลายงาน สุขภาพ ด้วยวัย ถ้ากลับไปจุดเดิมได้ เป็นผลดีกับเรา แต่ถ้าไม่ได้ ก็เป็นผลเสียกับเรา อยู่ที่ตัวเองต้องทำให้ได้ เพราะงานก็มีเข้ามา แต่สิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ แม้จะมีงานร้องเพลง แต่บางทีเสียงเราไม่พร้อม เราร้องไม่ไหว เราไม่สามารถร้องได้นาน ร้อง 4-5 เพลงก็เหนื่อยแล้ว
อยากกลับไปอยู่จุดเดิมที่เคยเป็นเดอะสตาร์ งานที่เข้ามาไม่ได้เยอะเหมือนเดิม แต่ก็ยังมีเข้ามาบ้าง ตอนนี้กลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ไม่สุรุ่ยสุร่ายกับสิ่งที่อยากได้เหมือนก่อนแล้ว และยืนยันไม่ตกอับแล้ว ขอบคุณแฟนๆที่ยังซัพพอร์ตเสมอ”