บ้าน ‘อ้อยใจ แดนอีสาน’ เร่ขายยำ ตัวคนเดียวกับตาหนึ่งข้าง
ไร้ที่พึ่ง ตัวคนเดียวกับตาหนึ่งข้าง!
บ้าน ‘อ้อยใจ แดนอีสาน’ อยู่ไม่ได้ ออกขายยำแหนม เร่ขอนอนบ้านแฟนคลับ
เคยมีชื่อเสียงโด่งดังระดับประเทศมาแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อน สำหรับ อ้อยใจ แดนอีสาน แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ความนิยมหรือสถานการณ์ต่าง ๆ ทำให้อาชีพร้องเพลงหดหายไป จึงหันกลับมาค้าขายอาหาร-ยำ ซึ่งเป็นอาชีพเดิมตั้งแต่เด็ก
เริ่มต้นจากการหาบขายจนวันนี้มีรถเข็นที่ช่วยทุ่นแรง พี่อ้อยใจคอยบอกตัวเองตลอกว่าตนเองนั้นไม่เคยร่ำรวย จึงทำให้วิกฤติจากสถานการณ์ในปัจจุบัน นั้นทำให้ตัวเองตกต่ำได้ เพราะชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน
เริ่มต้นจากการหาบขายจนวันนี้มีรถเข็นที่ช่วยทุ่นแรง พี่อ้อยใจคอยบอกตัวเองตลอกว่าตนเองนั้นไม่เคยร่ำรวย จึงทำให้วิกฤติจากสถานการณ์ในปัจจุบัน นั้นทำให้ตัวเองตกต่ำได้ เพราะชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน
งานนั้นหายาก ตนนั้นมองว่าตนนั้นโชคดีที่มีอาชีพเป็นของตัวเอง และต้องไม่ต้องไปท้อและอายต่ออาชีพของตนเอง ซึ่งมีครั้งหนึ่งที่ อ้อยใจ ต้องเจออุปสรรคในชีวิต ถูกคนแปลกหน้าบุกบ้านจนต้องไปขอนอนบ้านแฟนคลับเพราะไม่กล้าอยู่คนเดียว\
ปัจจุบันตนนั้นไม่ได้รับงานบันเทิงเลย เพราะไม่มีคนคอยรับงานให้ แต่ตนยังพร้อมที่รับเงินแสดงตลอดสามารถติดต่อได้ และพร้อมที่จะเต็มที่ไปกับงานแสดงที่ได้รับโอกาสมา
“แฟนคลับจำได้เยอะเลย เขาจำได้เยอะเลย เราอย่าไปเครียดทำใจให้สบายจะขายดีหรือไม่ดี ขายได้หรือไม่ได้เราต้องขาย เราจะมีค่าของตัวเอง เราอย่าไปนั่งนอน หรือหยิบยืมเงินของคนอื่น แม่ไมเอา แม่ไม่เคยหยิบยืมเงินใคร
มีกินก็กิน ไม่มีกินมันเป็นไปไม่ได้หรอก มันต้องมีกินทุกวันแหละ แต่ว่ากินมากกินน้อยอะไรอย่างนี้ แล้วก็ขอฝากงานเพลงชุดใหม่ที่แต่งเองด้วย ชื่อคุณดอกทอง คือดอกทองนี่มันจะเอาไปผัดกินได้ เนื้อหามันจะตลกมากเลย”
“เวลาไปขายของลูกค้าเขาก็เรียกคุณแม่ๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่าความดังมันเป็นยังไง แต่มีคนเหมารถมาจากนครสวรรค์ มาจากพิษณุโลก มาทางเหนือเยอะเลย มาทุกที่ไม่ว่าจะเป็น พัทยา บางแสน
เราก็บอกว่าไม่เคยดูละครตัวเองเลย ก็ภูมิใจ แต่ว่าไม่เคยเห็นตัวเองเลย ซึ่งก็พึ่งมา เคยเห็นผลงานตัวเอง ก็ดีใจมากๆ ว่ามันเป็นไปได้ขนาดนี้เลยหรอ
ขายยำแหนม ก็ขายมาตั้งแต่ช่วงเข้าวงการ พี่น้องในครอบครัวขายยำแหนมหมด บางทีเมื่อก่อนมันจะหาบ 6-7 หาบทุกคนขายหมด เวลาตอนเย็นจะมาคุยกันแล้ว ว่าขายได้เท่าไหร่ ก็สนุกดีค่ะ
ตอนนี้เราขายอยู่ที่พุทธมณฑลสาย 4 อยู่หน้าป้ายรถเมล์ แต่ถ้าไปตั้งเร็วๆ เขาไม่ให้ตั้ง นอกจากว่าประมาณทุ่มครึ่ง ถึงสี่ทุ่มถึงจะตั้งได้ แต่ตอนนี้คนมันก็มีไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะเขารีบซื้อแล้วก็รีบไป”