ก้าวไกล พร้อมชงชื่อ พิธา ซ้ำหากมีช่อง ยัน ไม่โหวตนายกฯ เพื่อไทย
จุดยืนชัด! 150 เสียงไม่แตกแถว
‘ก้าวไกล’ พร้อมชงชื่อ ‘พิธา’ ซ้ำหากมีช่อง ยันไม่โหวตนายกฯ ‘เพื่อไทย’
วันที่ 17 สิงหาคม 2566 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กทม. และรองเลขา
ธิการพรรค ก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
จะต้องมาทำงานให้ประชาชนในอีก 4 ปีข้างหน้า เพราะฉะนั้นควรให้ผู้แทนที่ประชาชนเลือกมาได้ซักถามแคนดิเดต
นายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับการเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งแรกก็มีการเปิดโอกาสให้ซักถามว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
หัวหน้าพรรค ก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมีทิศทางการทำงานอย่างไรบ้าง พร้อมย้ำว่า ประธานรัฐสภา
มีอำนาจในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง โดยใช้บัลลังก์ด้านขวามือ นายณัฐชา กล่าวต่อไปว่า ส่วนคุณสมบัติ
ของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีการสอบถามมากนัก เพราะได้ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนมาแล้ว ขณะที่ทิศ
ทางการโหวต นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก้าวไกล ได้ชี้แจงไปแล้วว่าพร ร ค ก้ า ว ไกลมีมติที่จะไม่โหวตสนับสนุน
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เพราะยังไม่เห็นหน้าค่าตาของรัฐบาลใหม่ แม้วันนี้
จะบอกว่ากำลังรวมเสียงอยู่ ยังไม่สามารถชี้แจงหน้าตาได้ จึงให้โอกาสถึงวันที่ 21 สิงหาคม 2566 แต่หากยังไม่
เห็นความชัดเจน ก็คงไม่เห็นชอบ ส่วนกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่พ ร ร ค ก้ า ว ไ ก ลไม่โหวตสนับสนุนแคนดิเดต
นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยเป็นการผิดคำพูดที่เคยระบุว่าจะปิดสวิตช์ สว. นายณัฐชา ระบุ วาทกรรมที่บอกว่าพ ร ร ค ก้ า ว ไ กลต้องโหวตให้พรรคเพื่อไทยเพื่อปิดสวิตช์ สว. นั้นไม่ใช่ เพราะตอนนี้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กำลัง
ใช้กลไกอำนาจของเขาในการบีบไม่โหวตสนับสนุนให้พรรคอันดับ 1 ของประชาชน การปิดสวิตช์ สว. คือให้ สว.
ไม่มีความหมายในการโหวตนายกรัฐมนตรี คือใช้เสียงของสภาล่างอย่างเดียว ตอนที่เรารวมเสียงได้ 312 เสียง
ซึ่งถือว่าเป็นเสียงข้างมากจาก 500 เสียงของ สส. “ฉะนั้น การปิดสวิตช์ สว. คือการให้เสียงของ สส. มี
อำนาจมากกว่า แต่ตอนนี้ สว. ได้ประสบความสำเร็จแล้วด้วยการไม่โหวตให้แคนดิเดตนายกฯ ที่มาจากพรรค
อันดับ 1 และใช้กลไกในการบีบว่าจะไม่โหวตให้พรรคต่างๆ นานา และบอกให้พรรคการเมืองนั้นๆ กลัว สว.
โดยไปโหวตให้ และมาบอกว่านี่คือการปิดสวิตช์ สว. ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เป็นการบีบโดยทางอ้อม
และเป็นการร่วมกันปิดสวิตช์พรร ค ก้ า ว ไ กลมากกว่า” ผู้สื่อข่าวถามต่อไป หากไม่โหวตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย
จะยิ่งเป็นการทำให้พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรค 2 ลุงโดยชอบธรรมหรือไม่ นายณัฐชา ระบุว่า ความชอบธรรม
ที่สุดคือการจับมือกัน 312 เสียง นี่คือความต้องการของประชาชนมากที่สุด และเป็นเรื่องที่พึงกระทำได้ดีที่
สุดด้วย เนื่องจากเป็นเสียงที่ประชาชนต้องการให้บริหารราชการแผ่นดิน เราปฏิเสธไม่ได้ว่าความต้องการของ
ประชาชนในวันนี้ที่เลือกฝ่าย 312 เสียงมาอย่างถล่มทลาย แต่ฝ่าย 312 เสียงไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
เพราะมีเสียงอื่นๆ มาแทรกแซง นั่นคือเสียงของ สว. ขณะเดียวกัน ยังพยายามกดดันและให้ความเห็นต่างๆ
ที่พยายามตีให้ 312 เสียงแตกออกจากกัน ซึ่งเมื่อเขาทำสำเร็จในขั้นแรกแล้ว จะรวมเสียงใหม่ก็แล้วแต่พรรค
แกนนำในขณะนั้นที่จะตัดสินใจ เขาจะจับมือ 312 เสียงกันเหนียวแน่น และเอาเสียงอื่นมาบวกเพิ่มเติมก็สามารถทำได้
หรือเขาจะตัดสินใจไม่จับมือกับ 312 เสียง และไปดึงอีกฟากหนึ่งก็สามารถทำได้ นั่นคือแนวความคิดของเขา
แต่ไม่ตรงกับแนวความคิดของพ ร ร ค ก้ า ว ไ ก ล เราเลยไม่สามารถโหวตให้ได้ ส่วนคำถามว่าหากยังมีช่องทางที่จะเสนอชื่อ
นายพิธา ซ้ำได้ จะดำเนินการหรือไม่ นายณัฐชา ยืนยันว่าแน่นอน หากยังมีช่องทางในการสนับสนุน นายพิธา ได้
จะยังคงต้องทำต่อเนื่อง เพราะได้รับมอบหมายจากประชาชนมาแล้ว ไม่สามารถล้มเลิกได้อย่างง่ายๆ ซึ่งวันนี้ 150 เสียง
ยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อประชาชน แต่เราไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีเสียงสนับสนุนมากพอ เพราะฉะนั้นเป็นเครื่องพิสูจน์
ให้ประชาชนได้เห็นว่า การตัดสินใจเลือกผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นผู้แทนของเรา ต้องสังเกตดีๆ ว่าเขาสามารถตอบโจทย์หรือไม่
สามารถทำหน้าที่ในสภาฯ โหวตนายกรัฐมนตรีตามความต้องการหรือไม่ อยากให้พรรคอันดับ 1 เป็นนายกรัฐมนตรี
พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเกิดความไม่ปกติในสังคม เป็นความผิดปกติในระบอบประชาธิปไตย (ขอบคุณข้อมูลจากไทยรัฐ)